) และหัวข้อย่อยเป็นลิสต์ (
ยูโรแข็งค่าขึ้นในวันจันทร์ โดยฟื้นตัวจากภาวะขาดทุนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ท่ามกลางบรรยากาศตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น คู่ EUR/USD ดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับเหนือ 1.1580 จากระดับต่ำสุดที่ 1.1490 หลังจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางเมื่อวันศุกร์ โดยเฉพาะการโจมตีอิหร่านของอิสราเอล แม้ว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์ แต่สถานการณ์ยังไม่ขยายตัวในระดับภูมิภาค อิหร่านไม่ได้คุกคามช่องแคบฮอร์มุซซึ่งมีความสำคัญต่อการขนส่งน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐฯ เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งได้
ปฏิกิริยาของตลาดและการอ่อนค่าของดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นจากความกังวลด้านความปลอดภัยนั้นกำลังลดลงเนื่องจาก:
- ความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรที่ยังคงมีอยู่
- การขาดความคืบหน้าในการทำข้อตกลงทางการค้า
ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการคาดเดาว่าอาจมีการแถลงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ในยุโรป นายโจอาคิม นาเกล ประธานธนาคารกลางบุนเดสแบงก์ ยังคงยืนกรานในจุดยืนที่เป็นกลาง แต่ได้ระบุว่า จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงิน
การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนหดตัวลง 2.4% ในเดือนเมษายน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.7%
คู่ EUR/USD ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดย:
- แนวรับที่บริเวณ 1.1495-1.1500
- แนวต้านถัดไปอยู่ที่ช่วง 1.1615-1.1630
- หากราคาตกลงมาที่ 1.1460 อาจเป็นการท้าทายแนวโน้มขาขึ้น
การฟื้นตัวของยูโรในวันจันทร์นั้น เป็นเพียงการแก้ไขบางส่วนจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
แม้ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะยังไม่หมดไป แต่ความสำคัญต่อตลาดขึ้นอยู่กับ:
- ระดับของความตึงเครียดว่าจะขยายตัวหรือไม่
- ความปลอดภัยของช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันที่สำคัญ
มีความชัดเจนในระดับหนึ่งว่าอิหร่านยังไม่ใช้ช่องแคบฮอร์มุซเป็นจุดกดดัน ซึ่งทำให้ความต้องการเสี่ยงในตลาดกลับมาเล็กน้อย ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และยูโรแข็งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกหลายประการ:
- นโยบายภาษีศุลกากรที่คลุมเครือ
- การเจรจาการค้าที่ไร้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
มีความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจไร้ทิศทาง ด้วยเหตุนี้ ผู้ค้าเริ่มประเมินใหม่ถึงความจำเป็นในการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อ:
- ข้อมูลเศรษฐกิจ
- ถ้อยแถลงของธนาคารกลาง
ต่างสะท้อนมุมมองในทิศทางตรงกันข้ามกับการถือสถานะปลอดภัย
นโยบายเฟดและกลยุทธ์ของโซนยูโร
ตลาดอยู่ในช่วงเตรียมพร้อมเพื่อรอการส่งสัญญาณครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ โดยเฉพาะว่า:
- เฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายหรือไม่
- เฟดจะยังคงระมัดระวังในภาวะที่เงินเฟ้ออ่อนตัวลงและตัวเลขการจ้างงานชะลอตัวหรือไม่
หากเฟดเปิดประตูให้มีนโยบายที่ผ่อนคลาย หรือแม้แต่แสดงความสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นของการเข้มงวด ก็จะ:
- ลดข้อได้เปรียบของสินทรัพย์สหรัฐฯ
- ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะสั้น
ทางฝั่งยุโรป แม้คำพูดของเนเกลจะไม่ได้กระตุ้นตลาด แต่ก็เป็นการยืนยันยุทธศาสตร์ของผู้กำหนดนโยบายว่า:
- ยังรอเพื่อประเมินสถานการณ์
- มุ่งเน้นเรื่องความยืดหยุ่น
การหดตัวของภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน อาจเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางหลีกเลี่ยงแนวทางที่ตึงเกินไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การหดตัวที่มากกว่าคาดการณ์ยังกังวลว่า:
- เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเปราะบาง
แม้ปัจจัยนี้ยังไม่กระทบต่อทิศทางของยูโรในระยะสั้น แต่ก็จำกัดศักยภาพการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น
คู่ EUR/USD ยังเคารพแนวรับที่ 1.1495-1.1500 และตลาดยังลังเลที่จะทดสอบระดับต่ำกว่านี้หากไม่มีแรงกดดันใหม่ เช่น:
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น
- นโยบายใหม่จากธนาคารกลาง
แนวต้านยังคงอยู่ที่ 1.1615-1.1630 ซึ่งยังเปิดโอกาสให้มีการเคลื่อนไหวในระยะสั้น โดยเฉพาะหาก:
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอ
- หรือแนวทางของเฟดไม่สร้างความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดแนวรับ 1.1460 ลงไปและยืนต่ำกว่าได้ ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มขาขึ้นก็อาจพลิกกลับอย่างสิ้นเชิง
ในระยะใกล้ การเคลื่อนไหวของคู่นี้ดูเหมือนตอบสนองต่อความเชื่อมั่นในดอลลาร์ มากกว่าปัจจัยจากยุโรปเอง ดังนั้น ความสนใจหลักควรอยู่ที่:
- ถ้อยแถลงของเฟด
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เว้นแต่จะมีเหตุการณ์น่าตกใจจากตะวันออกกลางเกิดขึ้นอีก วันข้างหน้าของตลาดเงินอาจถูกกำหนดโดยนโยบายการเงินและข้อมูลเศรษฐกิจมากกว่าข่าวสารจากภูมิภาคเหล่านั้น ผู้ค้าควรจับตาดูว่า EUR/USD จะสามารถรักษาระดับเหนือแนวรับปัจจุบันได้หรือไม่ ก่อน
เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets