เพื่อแยกย่อหน้าออกจากกัน และใส่รายการต่าง ๆ ด้วยแท็ก
คู่สกุลเงิน USD/JPY ปิดสัปดาห์ด้วยการเพิ่มขึ้น 133 จุด แตะที่ 144.85 จุด การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าโมเมนตัมขาขึ้นของผลตอบแทนของสหรัฐฯ และ USD/JPY จะคงอยู่ต่อไปหรือไม่ คาดว่าจะมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องมาจากการหยุดชะงักของการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ USD/JPY
บริการเช่น eFX Plus นำเสนอแนวคิดในการซื้อขาย โดยมีตัวเลือกสำหรับการสมัครรับข้อมูล ได้แก่:
- แผนพื้นฐาน 79 ดอลลาร์ต่อเดือน
- แผนพรีเมียม 109 ดอลลาร์ต่อเดือน
- ข้อเสนอทดลองใช้งานฟรี 7 วัน สำหรับผู้ใช้ใหม่
การพุ่งขึ้นครั้งสุดท้ายของคู่สกุลเงิน USD/JPY เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 133 จุดไปที่ระดับ 144.85 จุด เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้เข้าร่วมตลาดเริ่มตั้งคำถามว่าแนวโน้มนี้จะสามารถรักษาไว้ได้นานเพียงใด
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความสนใจในการซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนบางส่วนจากผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อผลตอบแทนเหล่านี้ได้รับความสนใจมากขึ้น — เนื่องจากสัญญาณของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ — บทสนทนาเริ่มเปลี่ยนไปสู่ประเด็นเกี่ยวกับ “ความยั่งยืน” แทนที่จะเป็น “ความต่อเนื่อง”
สภาพแวดล้อมในระยะสั้นกำลังเปลี่ยนแปลง ความคาดหวังต่อการเติบโตที่ชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา และความไม่แน่นอนจากการตัดสินใจเชิงนโยบาย กำลังส่งผลต่อทัศนคติของนักลงทุนต่อความเสี่ยงและการเปิดรับความเสี่ยงจากสกุลเงิน
ความกังวลไม่ใช่เรื่องนามธรรม แต่มีรากฐานในความจริง เช่น:
- ข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
- ความตึงเครียดที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการค้า
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สิ่งเหล่านี้สามารถลดโมเมนตัมของกลยุทธ์การซื้อขายที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอัตราดอกเบี้ย เช่น USD/JPY ได้ในระยะยาว
ผู้สังเกตการณ์ตลาดควรจับตาดูว่าคู่เงิน USD/JPY ยังคงตอบสนองต่อความแตกต่างของอัตราผลตอบแทน (yield differentials) หรือไม่ แม้ความสัมพันธ์ยังมีอยู่ แต่ความคงเส้นคงวาอาจน้อยลงหากข้อมูลเศรษฐกิจใหม่เปลี่ยนแปลงสมมติฐานเกี่ยวกับแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องราวอาจเริ่มซับซ้อนมากขึ้น สำหรับผู้ที่ซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่อิงกับ USD/JPY แนวทางเชิงกลยุทธ์อาจประกอบไปด้วย:
- การขี่แนวโน้มต่ออีกเล็กน้อยหากราคายังสนับสนุน
- ใช้การวิเคราะห์ตำแหน่งเดลต้า (delta positioning) และวิเคราะห์ความผันผวนโดยนัยเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของตลาด
- เฝ้าติดตามว่าอัตราความเสี่ยง (risk reversals) และรูปแบบตัวเลือกต่าง ๆ เริ่มสะท้อนถึงอุปสงค์ในการป้องกันความเสี่ยงหรือไม่
เมื่อ risk reversal ขยายตัวโดยทั่วไปแล้วเป็นสัญญาณว่าโทนเสียงของตลาดกำลังเปลี่ยนไป
การประเมินที่ผ่านมาของ “คุโรซาวะ” เกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายยังคงมีประโยชน์ เนื่องจากหลายฝ่ายได้เริ่มปรับตำแหน่งความเสี่ยงโดยเฉพาะปลายโค้งของฟิวเจอร์ส์แล้ว
ในภาพกลยุทธ์หมายถึง:
- คงสถานะเดลต้าเอียง (delta skewed)
- รักษาสถานะแกมม่าให้เป็นกลาง (gamma neutral)
- เตรียมพร้อมเข้าสู่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจรอบถัดไป
หากการคาดการณ์ผลตอบแทนในการประชุม Jackson Hole เป็นจริง และคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยยังสูงในไตรมาสหน้า ดอลลาร์สหรัฐอาจมีพื้นที่สู่ขาขึ้นอีก
แต่อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังจากข้อมูลแรงงานหรือตัวชี้วัดเงินเฟ้ออาจส่งผลให้ราคากลับตัวลงอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาเช่นนั้น ความเบี่ยงเบน (skew) และความเสี่ยงจากหาง (tail risks) ก็จะมีความสำคัญมากกว่าระดับราคาบนกราฟพื้นฐาน
ในฝั่งของการวางตำแหน่ง เรายังคงให้ความสำคัญกับสัญญาระยะสั้น:
- สัญญารายสัปดาห์
- สัญญาแบบ 1 เดือน
เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากพาดหัวข่าวสาร
เราสังเกตเห็นความต้องการของราคา USD/JPY ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้วมักเป็นสัญญาณว่าผู้เล่นตลาดยังไม่มั่นใจในทิศทางขาขึ้นต่อไปหากไม่มี “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ใหม่เข้ามาสนับสนุน
ดังนั้นเทรดเดอร์อาจพิจารณาปรับสถานะโดย:
- การปรับความเสี่ยงของเดลต้า
- การใช้กลยุทธ์ straddle หรือ strangle แทนการเดิมพันทางเดียว
เรามุ่งเน้นที่จะ “ตอบสนอง” มากกว่าคาดการณ์ โดยติดตาม:
- สเปรดระหว่างความผันผวนที่รับรู้ (realized volatility) และ
- ความผันผวนโดยนัย (implied volatility)
ซึ่งมักบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ ตรวจสอบระดับราคาหลักของ USD/JPY:
- หากทะลุ 145.00 และยืนเหนือได้จนกว่าจะมีการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ย อาจเป็นการเปิดประเด็นต่อการยกระดับนโยบายของเจ้าหน้าที่
- หากปรับลดลงมาต่ำกว่า 144.00 อาจสะท้อนว่าแรงซื้อได้อ่อนกำลังลง นำไปสู่การขายทำกำไรหรือแรงขายถอยกลับ
โดยสรุป กลยุทธ์ในภาวะปัจจุบันควรให้ความสำคัญกับ:
- การเล่นตามความผันผวนมากกว่าเดิมพันทางเดียว
- ใช้กลยุทธ์แบบ straddles และความเบี่ยงเบนความเสี่ยง (risk reversal) เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวน
- รักษาความยืดหยุ่นในการซื้อขาย เพื่อพร้อมปรับตัวเมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนแปลง
เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets