ราคาตลาดของธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงเท่าเดิม ยกเว้นธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) โดยการประเมินจากภาวะตลาดที่มีการตั้งราคารวมถึงความน่าจะเป็นของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารกลาง
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พบว่าอยู่ที่ 53 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 96% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการประชุมครั้งหน้า
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อยู่ที่ 54 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 96% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการประชุมครั้งหน้า
- ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) อยู่ที่ 39 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 95% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- ธนาคารแห่งแคนาดา (BoC) อยู่ที่ 37 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 77% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อยู่ที่ 72 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 72% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- RBNZ อยู่ที่ 29 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 69% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการตัดสินใจด้านนโยบาย
- ธนาคารกลางสวิส (SNB) อยู่ที่ 55 จุดพื้นฐาน โดยมีโอกาส 57% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยส่วนที่เหลือของตลาดมองว่าจะลดลง 50 จุดพื้นฐาน
โดยรวมแล้ว การตอบสนองของตลาดค่อนข้างคงที่ ยกเว้น RBNZ ที่ผู้ค้าได้ปรับการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่ หลังจากผลนโยบายของ RBNZ ไม่ได้มีท่าทีผ่อนปรนอย่างที่ตลาดคาดไว้
เนื้อหานี้ให้ภาพรวมว่าตลาดกำหนดราคาความคาดหวังต่อนโยบายการเงินอย่างไร อิงตามจุดพื้นฐานและความน่าจะเป็นของการปรับลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารกลาง ซึ่งครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ และเน้นให้เห็นความแตกต่างในการดำเนินนโยบาย โดยเฉพาะ RBNZ ที่สร้างความประหลาดใจด้วยการไม่แสดงออกถึงท่าทีผ่อนคลายพอๆ กับที่ตลาดหวังไว้
ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงมีการกำหนดราคาที่คงที่ บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มสูงที่จะคงจุดยืนปัจจุบันไว้ แต่ในกรณีของ RBNZ มีความเบี่ยงเบนจากแนวโน้มการคาดการณ์ และมีการเปลี่ยนแปลงในแนวทาง โดยนัยของอัตราดอกเบี้ยทันทีหลังการตัดสินใจครั้งล่าสุด หลักๆ เพราะภาษาและน้ำเสียงในแถลงการณ์ไม่สอดคล้องกับความหวังของตลาดต่อมาตรการผ่อนปรน
ความแตกต่างนี้มีความสำคัญ โดยเฉพาะกับผู้ค้าที่ลงทุนในตราสารอนุพันธ์ที่ผูกกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับความคาดหวังทันที การเอนเอียงไปทางขาลงของตลาดก่อนหน้านี้อาจรุนแรงเกินไป และการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาบ่งบอกถึงความไม่สอดคล้องนั้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตราสารที่ไวต่ออัตราดอกเบี้ยแสดงปฏิกิริยาตามความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างทันที เมื่อมองไปข้างหน้า เราสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่า ธนาคารกลางใดให้คำแนะนำล่วงหน้าอย่างชัดเจน และธนาคารใดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
ธนาคารกลางสหรัฐและ ECB กำลังให้แนวทางที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป โดยเฉพาะเฟดซึ่งดูเหมือนจะยึดมั่นกับสมมติฐานพื้นฐานได้อย่างแม่นยำ การปรับอัตราอ้างอิงโดยตลาดน่าจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีข้อมูลใหม่ที่มีนัยสำคัญ เช่น รายงาน CPI ที่กำลังจะออกหรือข้อมูลตลาดแรงงานใหม่
ในยุโรป แนวทางส่วนใหญ่ดูจะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ามีแนวโน้มจะผ่อนคลายลง ทำให้ขอบเขตในการกำหนดตำแหน่งแคบลง เรื่องราวจากแฟรงก์เฟิร์ตในตอนนี้จึงเน้นไปที่จังหวะเวลาในการดำเนินการและผลกระทบของนโยบายต่อสภาพคล่อง มากกว่าการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยโดยตรง
กรณีของสหราชอาณาจักร ยังเปิดกว้างอยู่ เนื่องจาก Andrew Bailey และทีมงานไม่ได้ให้สัญญาณที่แน่ชัด แม้ระดับอัตราดอกเบี้ยโดยนัยจะชี้ว่าไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่สัญญาณจากค่าเงินปอนด์และค่าแรงทำให้เกิดความไม่แน่นอนบ้าง การหยุดนิ่งในนโยบายไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ในแคนาดาและออสเตรเลีย การตั้งราคาแสดงถึงความระมัดระวังแม้จะมีสัญญาณของภาวะอ่อนตัว ตลาดอาจจะเฉื่อยชา แต่หากมีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่สั่นคลอนความเชื่อมั่น ผู้ถือความเสี่ยงก็อาจต้องเร่งปรับกลยุทธ์ การพึ่งพาการป้องกันความเสี่ยงแบบ delta-tiered อาจไม่เหมาะสมในช่วงเวลาเหล่านี้
สำหรับ RBNZ ขณะนี้ต้องจับตามุมมองใหม่อย่างมาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ชัดเจน และท่าทีของธนาคารได้ขจัดอคติด้านลบบางประการที่สะท้อนอยู่ในราคาตลาด ความสำคัญอยู่ที่ว่าท่าทีนี้เป็นเพียงความผิดปกติหรือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ การเปลี่ยนแปลงของเส้นอัตราผลตอบแทนในไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นตัวตัดสินว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะยั่งยืนหรือไม่
ในส่วนของธนาคารกลางสวิส (SNB) ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยที่ส่วนหนึ่งของตลาดคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 50 จุดพื้นฐาน ซึ่งเป็นสมมติฐานที่กล้าหาญแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากถ้อยแถลงล่าสุด การแยกส่วนของตลาดเช่นนี้ส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานต่อเส้นทางของอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะในตราสารที่ครบกำหนดภายในสิ้นปี
การถือความเสี่ยงในตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูงโดยขาดความยืดหยุ่น อาจมีต้นทุนสูงหากไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กล่าวโดยสรุป การให้ความสำคัญยังไม่ใช่การคาดทิศทางอย่างชัดเจน แต่เป็นการบริหารและจัดการกับความไม่สอดคล้องกันระหว่างตำแหน่งตลาดและโทนนโยบาย สถานการณ์ในตอนนี้อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า หากเลือกใช้กลยุทธ์ผ่านสเปรดข้ามตลาดหรือออปชั่นระยะสั้น แทนที่จะเดิมพันกับความโค้งในระยะยาว
เป้าหมายควรไม่ใช่การทำนายพาดหัวข่าวครั้งต่อไป แต่ควรพยายามเดินนำหน้าหนึ่งก้าวจากความเปลี่ยนแปลงของนโยบายตามความน่าจะเป็นแบบมีเงื่อนไข
เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets