มอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับประมาณการ โดยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะคงที่จนถึงมีนาคม 2026 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ

    by VT Markets
    /
    Apr 5, 2025
    แน่นอน ต่อไปนี้คือบทความที่จัดรูปแบบใหม่ให้มีการแบ่งย่อหน้าและใช้รายการหัวข้อ (bullet points) เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น:

    Morgan Stanley ปรับมุมมองใหม่

    Morgan Stanley ได้ปรับมุมมองใหม่ โดยถอนการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าที่ประกาศโดยทรัมป์ โดยปัจจุบันธนาคารคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันไว้จนถึงเดือนมีนาคม 2026

    ภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่กำหนดเป้าหมายหลายประเทศอาจส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น Morgan Stanley จึงแนะนำว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เฟดไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

    ในตอนแรก บริษัทคาดว่าจะปรับลด 25 จุดพื้นฐานในเดือนมิถุนายน แต่ตอนนี้พบว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจยังคงสูงอยู่ ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ล่าช้าออกไปจนกว่าเงินเฟ้อจะคงที่

    มุมมองของนักวิเคราะห์ที่ขัดแย้งกัน

    มุมมองของ Morgan Stanley ขัดแย้งกับนักวิเคราะห์รายอื่นๆ ที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจาก

  • การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
  • ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดจากภาษีนำเข้า
  • สิ่งที่บทความนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนคือ การเปลี่ยนแปลงความคาดหวังด้านนโยบายของ Morgan Stanley จากเดิมที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลางในเดือนมิถุนายนนี้ (25 จุดพื้นฐาน) กลับกลายเป็นการถอยกลับจากจุดยืนดังกล่าว

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากผลกระทบด้านเงินเฟ้อที่คาดว่าจะมาจากภาษีใหม่ที่ทรัมป์ประกาศ ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าบางรายการสูงขึ้น และราคาผู้บริโภคหลากหลายประเภทมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

    ธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งติดตามอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้แทนที่จะผ่อนปรนนโยบายการเงิน

    การคาดการณ์ของธนาคารกลาง

    แม้ว่าธนาคารกลางบางแห่งยังคงเชื่อว่าการเติบโตที่ลดลงและการจ้างงานที่ช้าจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ แต่ Morgan Stanley มองว่า:

  • ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ต่อเนื่องทำให้เฟดยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้
  • พวกเขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่ลดลงก่อนเดือนมีนาคม 2026
  • ผลกระทบต่อตลาดอนุพันธ์

    จากการตั้งค่าดังกล่าว สถานการณ์เรียกร้องให้มีการปรับกลยุทธ์ระยะสั้นใหม่ สำหรับผู้ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับ:

  • สัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Swaps)
  • ออปชั่นที่เกี่ยวข้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
  • การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อสมมติฐานที่รวมอยู่ในราคาปัจจุบันของตลาด เช่น

  • เส้นกราฟผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการปรับลดหลายครั้งในครึ่งหลังของปีก็อาจถูกปรับใหม่
  • ราคาที่เคยบ่งบอกว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน อาจกลายเป็นไม่สอดคล้องอีกต่อไป
  • การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อขาย

    กลยุทธ์หลายอย่างจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาใหม่:

  • Carry Trade ที่พึ่งพาการลดอัตราดอกเบี้ยอาจหมดความสามารถในการทำกำไร
  • โครงสร้างออปชั่นที่จับเวลาไว้รอบการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิถุนายน อาจต้องเลื่อนออกไปหรือใช้การป้องกันความเสี่ยงที่มากขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในระยะสั้น จะต้องกำหนดราคาใหม่
  • หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงแข็งแกร่ง ความผันผวนโดยนัยในระยะสั้นของกราฟก็อาจรุนแรงกว่าที่เคยเป็นในไตรมาสที่ผ่านมา

    ผลกระทบต่อตลาดเงินทุน

    ผลกระทบอาจลามไปถึงตลาดเงินทุนดอลลาร์ เช่น:

  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ (FX forward contracts)
  • สัญญาแลกเปลี่ยนพื้นฐาน (Cross currency swaps)
  • ตราสารเหล่านี้อาจถูกกดดันจากการเพิ่มระยะเวลาการถือครองและความต้องการในการจัดการความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

    การวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ

    ผู้ซื้อขายต้องคำนึงถึงข้อมูลเศรษฐกิจหลายประการเพื่อปรับเทียบมุมมอง ได้แก่:

  • ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • ข้อมูลค่าจ้าง
  • ต้นทุนของผู้ผลิต ซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นของเงินเฟ้อ
  • หากข้อมูลแสดงว่าบริษัทส่งต่อต้นทุนได้เร็วขึ้น นั่นจะยิ่งสนับสนุนมุมมองของ Morgan Stanley เรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่ลดลงเร็ว

    บทสรุป

    ไม่ใช่เพียงแค่การที่เงินเฟ้อลดลงอย่างช้าๆ ที่เป็นข้อกังวลของ Morgan Stanley อีกต่อไป แต่มันกลายเป็นคำถามว่า:

  • เงินเฟ้อจะลดลงหรือไม่ภายใน 12 เดือนข้างหน้า?
  • นี่กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ผู้ซื้อขายต้องใช้พิจารณาปรับกลยุทธ์ในช่วงสัปดาห์และเดือนต่อๆ ไป

    เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets

    see more

    Back To Top
    Chatbots