อัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ การปรับลดอันดับดังกล่าวทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลดลงหนึ่งระดับ เนื่องจากระดับหนี้ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และความกังวลเกี่ยวกับการชำระดอกเบี้ย โดยคาดการณ์ว่าหนี้ของรัฐบาลกลางจะเพิ่มขึ้นเป็น 134% ของ GDP ภายในปี 2035 จาก 98% ในปี 2023
พลวัตของตลาดยังได้รับอิทธิพลจากการพัฒนาการค้าโลกอีกด้วย โดยสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการลดภาษีศุลกากร ดังนี้:
- สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงเหลือ 30%
- จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงเหลือ 10%
ข้อตกลงดังกล่าวช่วยบรรเทาความตึงเครียดด้านการค้า และคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อต้นทุนการจัดหาทั่วโลกในภาคส่วนสำคัญ
ในด้านของยุโรป นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อของโซนยูโรให้สอดคล้องกับเป้าหมาย 2% ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
จากแผนที่ความร้อนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินยูโรแสดงถึงความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังมีความผันผวนเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดย:
- ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
- ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแบบผสมผสานเมื่อเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษ เงินเยนญี่ปุ่น และเงินสกุลอื่นๆ
บทความนี้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของความเชื่อมั่นในเรื่องความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ทางการเงิน
การปรับลดจาก Moody’s ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจาก:
- หนี้รัฐบาลกลางที่ขยายตัวเป็น 134% ของ GDP ภายในช่วงเวลาเพียงกว่าทศวรรษ
- ภาระดอกเบี้ยของหนี้ที่มากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการคลังลดลง
แม้ว่า Moody’s จะเป็นเพียงหนึ่งในหลายหน่วยงานจัดอันดับเครดิต แต่การลดอันดับในครั้งนี้ส่งสัญญาณเชิงลบอย่างชัดเจนต่อตลาด ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ในอีกด้านหนึ่ง ข้อตกลงการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน แม้จะยังไม่ยกเลิกอุปสรรคทางการค้าโดยสิ้นเชิง แต่ก็ช่วยคลายความกังวลของภาคธุรกิจในระดับหนึ่ง
ผลกระทบที่ตามมาคือ:
- แรงกดดันต่อต้นทุนการจัดหาอาจลดลงในระดับหนึ่ง
- ความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของเงินเฟ้อทั่วโลกอาจดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของตลาดจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของนโยบายในอนาคตและอุปสงค์จากผู้บริโภคที่ยังคงมีบทบาทสำคัญ
ในฝั่งยุโรป ECB อาจดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า โดยมีเป้าหมายเพื่อ:
- ลดแรงฉุดทางเศรษฐกิจ
- ควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2%
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง ซึ่งเพิ่มโอกาสที่ ECB จะใช้นโยบายผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้:
- ความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรเพิ่มขึ้น
- ค่าความแข็งแกร่งของเงินยูโรยังคงผันผวนขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินอื่น
แผนที่ความร้อนของสกุลเงินยังชี้ให้เห็นว่า:
- ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
- ค่าเงินยูโรยังไม่แข็งค่าอย่างสม่ำเสมอเมื่อเทียบกับเงินเยน และเงินปอนด์
ตลาดในขณะนี้ให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานในประเทศของแต่ละสกุลเงิน และการคาดการณ์แนวโน้มของธนาคารกลางที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่:
- ความคาดหวังต่อรายได้คงที่
- ความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงิน
- การแก้ไขในเชิงโครงสร้างของการค้าโลก
จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มการลงทุน
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้ความเคลื่อนไหวของตลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับ:
- ตัวชี้วัดทางการเงินที่เข้ามาใหม่
- ความคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงของนโยบายอัตราดอกเบี้ย
- อัตราส่วนหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นข่าวที่ส่งผลกระทบต่อตลาด
การวางตำแหน่งและกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นและระยะกลาง จึงควรมาพร้อมกับความแม่นยำ และเข้าใจถึงความอ่อนไหวของตลาดในช่วงเวลานี้
เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets