จากข้อมูลที่รวบรวมมาก ราคาทองคำในมาเลเซียแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้

    by VT Markets
    /
    Apr 21, 2025
    แน่นอน! ต่อไปนี้คือบทความที่ได้รับการจัดรูปแบบใหม่โดยเพิ่มย่อหน้า (

    ) และรายการหัวข้อย่อย (

  • ) เพื่อให้อ่านง่ายและชัดเจนมากขึ้น: —

    ราคาทองคำในมาเลเซียเมื่อวันศุกร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคา 1 กรัมอยู่ที่ 471.51 ริงกิตมาเลเซีย (MYR) และ 5,499.60 ริงกิตมาเลเซียต่อโทลา ราคาดังกล่าวปรับตามอัตราสากลและอัปเดตทุกวัน ในอดีต ทองคำทำหน้าที่เป็นตัวเก็บมูลค่าและสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ผันผวน ธนาคารกลางมีทองคำสำรองจำนวนมาก โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,136 ตัน มูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022

    อิทธิพลของราคาทองคำ

    ราคาทองคำได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะสัมพันธ์แบบผกผันกับดอลลาร์สหรัฐและผลงานของตลาดหุ้น เนื่องจากทองคำมีราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นความผันผวนของสกุลเงินจึงสามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของทองคำ

    ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมักจะผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นสามารถกดดันให้ราคาทองคำลดลง เราพบว่าทองคำทรงตัวในสกุลเงินริงกิตมาเลเซียเมื่อสิ้นสัปดาห์ โดยไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเที่ยงวัน โดยหนึ่งกรัมอยู่ที่ 471.51 ริงกิตมาเลเซีย และโทลาอยู่ต่ำกว่าระดับ 5,500 ริงกิตมาเลเซียเล็กน้อย

    ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นราคาสปอตในต่างประเทศ ซึ่งแปลงเป็นเงื่อนไขของมาเลเซียโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน สำหรับใครก็ตามที่เฝ้าติดตามมูลค่าของโลหะมีค่า โดยเฉพาะในบริบทท้องถิ่น ความมั่นคงเช่นนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการหยุดชะงักได้ บางทีอาจเป็นการเตือนให้ทบทวนกลยุทธ์การวางตำแหน่งที่กว้างขึ้นเมื่อมีข้อมูลมหภาคเข้ามา

    ขณะนี้ การเตือนว่าทองคำมักทำหน้าที่เป็นเหมือนแพชูชีพทางการเงินยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเมื่อตลาดผันผวนหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น

    จุดข้อมูลสำคัญจากปีที่แล้วควรค่าแก่การพิจารณา คือการที่สถาบันต่างๆ เช่น ธนาคารกลาง ไม่ได้แค่ซื้อทองคำ แต่ซื้อในปริมาณมาก—มากกว่า 1,100 ตัน ปริมาณดังกล่าวกระจายไปทั่วผู้ซื้อในประเทศต่างๆ ซึ่งเน้นย้ำถึง

  • วิธีที่หน่วยงานของรัฐใช้ทองคำเพื่อเสริมฐานการเงิน
  • การตอบสนองต่อช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนของนโยบายหรือความตึงเครียดด้านค่าเงินเพิ่มมากขึ้น
  • จุดกดดันที่มักขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของโลหะชนิดนี้ยังคงอยู่ เช่น

  • อัตราดอกเบี้ยจริง
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
  • สิ่งที่ควรสังเกตคือความเชื่อมโยงแบบผกผัน เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น ผู้ซื้อจากต่างประเทศจะได้รับทองคำมากขึ้นในอัตราแลกเปลี่ยนของตน เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ความต้องการทองคำมักชะลอลง เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นในรูปของดอลลาร์สหรัฐ

    พลวัตของตลาด

    ตลาดหุ้นเป็นอีกแรงหนึ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเสี่ยงกลับเข้ามาในสายตานักลงทุน เมื่อมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางและความต้องการของนักลงทุนแข็งแกร่ง

  • กระแสเงินมักจะไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ
  • แต่เมื่อเกิดการเทขายหรือความผันผวนอย่างไม่คาดคิด

  • นักลงทุนมักจะหันกลับมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
  • อีกประเด็นสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้คือ อัตราความคาดหวังของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา หากตลาดเริ่มเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงท่าทีทางนโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป ผลตอบแทนที่แท้จริงจากตราสารหนี้รัฐบาลจะสูงขึ้น

    ส่งผลให้ความน่าดึงดูดใจของทองคำ — ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทน — ลดลง ความเชื่อดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมในตลาดอนุพันธ์ ได้แก่:

  • ออปชั่น (Options)
  • ฟิวเจอร์ส (Futures)
  • ซึ่งผู้เข้าร่วมตลาดอาจเอนเอียงไปในทางป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาโดยฉับพลัน

    การเปลี่ยนแปลงของเส้นอัตราผลตอบแทน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการชันหรือการกลับทิศ ควรได้รับการสังเกตอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เพียงส่งผลต่อสัญญาณทางเศรษฐกิจมหภาคเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อความคาดหวังในอนาคตอีกด้วย

    นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ตัวเลขเหล่านี้มีแนวโน้มจะ:

  • ส่งผลต่อโมเดลราคาหลัก
  • เปลี่ยนทิศทางความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • หากเงินเฟ้อยังคงเหนียวแน่น โดยเฉพาะในภาคบริการ นักลงทุนอาจเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้นแม้ว่าราคาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

    โดยรวมแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดทองคำไม่ได้มาจากเหตุการณ์ใดเพียงเหตุการณ์เดียว แต่ขึ้นอยู่กับการเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆ ว่าตรงกับที่นักลงทุนตั้งราคาหรือคาดการณ์ไว้หรือไม่

    หากข้อมูลสร้างความประหลาดใจ เช่น ตัวเลขปรับลดผิดพลาด หรือดัชนีความเชื่อมั่นที่ตกต่ำ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นความผันผวนในตลาดเพิ่มขึ้นทันที

    ดังนั้น กลยุทธ์การเข้าและออกจากตลาดจึงควรตั้งอยู่บนการคาดการณ์ล่วงหน้า มากกว่าการตอบสนองแบบล่าช้า ซึ่งจะลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้เปรียบ

    จากมุมมองของเรา การผสมผสานระหว่างข้อมูลทางเทคนิคและการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค จะให้ภาพรวมที่ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการดูจากแผนภูมิหรือแนวโน้มนโยบายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำความเข้าใจว่าสองสิ่งนี้สอดประสานกันอย่างไร และตลาดตีความบนกระแสข่าวได้อย่างไรอีกด้วย

    เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets

    see more

    Back To Top
    Chatbots