และรายการหัวข้อย่อยโดยใช้แท็ก
USD อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ EUR, JPY และ GBP หลังจากมีการกำหนดภาษีศุลกากรใหม่ สหภาพยุโรปได้กำหนดภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้า พร้อมภาษีศุลกากรแบบตอบแทนเพิ่มเติม 20% รวมเป็น 30%
สำหรับญี่ปุ่น ภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% เริ่มใช้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 ควบคู่กับภาษีศุลกากรแบบตอบแทน 24% รวมเป็น 34%
สหราชอาณาจักรยังคงกำหนดภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% แต่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรแบบตอบแทนเพิ่มเติม แม้ว่าจะมีการกำหนดภาษีศุลกากรแบบตอบแทน 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากเหล็กและอลูมิเนียมในวันที่ 12 มีนาคม 2025
ผลกระทบต่อความร่วมมือทางการค้าของสหรัฐฯ
คู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่:
- เม็กซิโก – 14.5%
- แคนาดา – 13.5%
สถานการณ์ภาษีศุลกากรดังกล่าวส่งผลให้:
- หุ้นสหรัฐฯ ลดลง
- ดอลลาร์อ่อนค่าลง
- สินค้าส่งออกมีราคาถูกลง
- สินค้าที่นำเข้ามีราคาสูงขึ้น
คู่ค้าอาจพิจารณา:
- ลดอุปสรรคทางการค้า
- ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
การเปรียบเทียบราคาระหว่าง Toyota Prius และ Ford Escape Hybrid เผยให้เห็นว่า Prius ประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า ในขณะที่ Escape มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าในฐานะ SUV
ปัจจุบันไม่มีรถเก๋งไฮบริดสัญชาติอเมริกันรุ่นใดที่มีขนาดและประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ Prius ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับ SUV และรถบรรทุกมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายในตลาดยุโรปเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
ผลกระทบต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจ
ราคาสินค้าที่นำเข้าที่สูงขึ้นอาจสร้างภาระให้กับผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากสินค้าอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง:
- 25%
ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างของภาษีศุลกากรเหล่านี้จะต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์
โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อมีการเพิ่มภาษีศุลกากรใหม่ให้กับสินค้าที่ชายแดน จะทำให้การซื้อสินค้าเหล่านั้นจากต่างประเทศมีราคาแพงขึ้น
ดังนั้น การนำเข้าของอเมริกาจึงมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะจาก:
- สหภาพยุโรป
- ญี่ปุ่น
- สหราชอาณาจักร
ส่งผลให้:
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
- หุ้นของสหรัฐฯ ลดลง
สหภาพยุโรปกำหนดภาษีศุลกากรสูงถึงเกือบ 1 ใน 3 ของมูลค่าสินค้านำเข้า ซึ่งสะท้อนการตอบสนองต่อสหรัฐฯ ญี่ปุ่นทำเช่นเดียวกัน พร้อมขึ้นภาษีอย่างเข้มงวด สหราชอาณาจักรมีแนวทางที่เท่าทันมากขึ้น – มุ่งเน้นสินค้าที่เฉพาะเจาะจงเช่นเหล็กและอลูมิเนียม
การอ่อนค่าของดอลลาร์มีผลทำให้:
- การส่งออกมีราคาถูกลง
- การนำเข้ามีราคาสูงขึ้น
บริษัทและผู้บริโภคที่พึ่งพาสินค้านำเข้าต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน สูงสุดตั้งแต่:
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- รถยนต์
ครึ่งปีแรกเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีศุลกากร โดยเฉพาะมาตรการของสหราชอาณาจักรในเดือนมีนาคม ทำให้เดือนกุมภาพันธ์กลายเป็นเดือนที่ธุรกิจต้องทบทวนกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า
การคาดการณ์ของ Díaz ต่อการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกควรถูกติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็อาจกระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวในตลาดอ็อปชั่นและฟิวเจอร์ส โดยเฉพาะใน:
- ชิ้นส่วนยานยนต์
- สินค้าเกษตร
ในอนาคตอาจมีการพิจารณาใช้อัตราภาษีคงที่เพื่อให้ง่ายต่อการคาดการณ์ราคาในระดับโลก แม้ว่าจะต้องอิงกับนโยบายการคลังปิดก็ตาม
การเปรียบเทียบ Prius และ Ford Escape ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ “การทดแทนในตลาด” และยังเน้นว่า SUV จากสหรัฐฯ มักไม่เหมาะกับมาตรฐานตลาดในยุโรปที่ให้ความสำคัญกับขนาดและการปล่อยมลพิษ
ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นส่งผลต่อทุกด้าน ตั้งแต่:
- ราคาผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย
- โลจิสติกส์
- ประกันภัย
- บรรจุภัณฑ์
การจัดเวลาการส่งมอบเพื่อหลบหลีกภาษีที่เพิ่มขึ้นจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มี:
- อัตรากำไรต่ำ
- กลุ่มลูกค้าซึ่งไวต่อราคา
การที่ Alden ไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการตอบสนอง แต่เป็นการใช้แนวทางอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคในประเทศก็ยังคงได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่สินค้าจากสหรัฐฯ ถูกเรียกเก็บภาษีในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นภายในประเทศเช่นกัน
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ควรเฝ้าติดตาม:
- การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย
- ระดับเงินเฟ้อ
ค่าเงินดอลลาร์ที่ผันผวนอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนทิศทางของกระแสเงินทุน เช่น:
- การย้ายกลับสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
- การเคลื่อนไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในยุโรปหรือเอเชีย
ปัจจุบัน ตลาดกำลังเผชิญแรงกดดันขาลงต่ออนุพันธ์ที่อิงกับดอลลาร์ โดยเฉพาะสัญญาระยะสั้นในคู่สกุลเงิน:
- EUR/USD
- JPY/USD
เริ่มซื้อขายทันที – คลิกที่นี่ เพื่อสร้างบัญชีจริงของ VT Markets