การเทรดในตลาด Forex โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรในความเคลื่อนไหวของคู่เงิน และคาดการณ์ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นหรือลง แต่เช่นเดียวกับการเทรดในรูปแบบอื่น ๆ ยังมีปัจจัยต่าง ๆ ที่คุณต้องทำความเข้าใจเมื่อเข้าสู่ตลาด และ มาร์จิ้น (Margin) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณควรทราบ
มาร์จิ้นในตลาด Forex หมายถึงจำนวนเงินที่กำหนดไว้ที่คุณต้องรักษาไว้ในบัญชีของคุณตลอดเวลา หากคุณไม่มีเงินเพียงพอในบัญชี คุณจะไม่สามารถเปิดสถานะในตลาดหรือทำการเทรดได้
จำนวนเงินที่คุณต้องรักษาในบัญชีจะแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์ที่คุณใช้งาน บางโบรกเกอร์อาจกำหนดให้คุณมีเงินในบัญชีมากขึ้นเพื่อรับประกันการเปิดสถานะ ซึ่งเรียกว่าการมีข้อกำหนดมาร์จิ้น (Margin Requirement) ที่สูง ในขณะที่โบรกเกอร์อื่นอาจมีข้อกำหนดมาร์จิ้นที่ต่ำกว่า โดยโบรกเกอร์จะแจ้งให้คุณทราบในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ เพื่อแสดงให้คุณทราบว่าคุณต้องรักษายอดคงเหลือในบัญชีเท่าใดเมื่อเทียบกับมูลค่าของสถานะที่เปิดอยู่
ตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์กำหนดข้อกำหนดมาร์จิ้นไว้ที่ 5% สำหรับการเทรด Forex และคุณเปิดสถานะด้วยเงิน $10,000 คุณจะต้องรักษายอดเงินในบัญชี $500 ตลอดระยะเวลาที่สถานะยังเปิดอยู่ หากยอดเงินในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับนี้ สถานะการเทรดอาจถูกปิดและชำระบัญชีโดยอัตโนมัติ ดังนั้นการติดตามการเคลื่อนไหวของ Pip จึงเป็นสิ่งสำคัญ
Pip ในตลาด Forex หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย โดยปกติจะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ของค่าคู่เงิน การเคลื่อนไหวของ Pip จะช่วยให้คุณทราบว่าตลาดกำลังเคลื่อนไปในทิศทางใด และช่วยบอกคุณได้ว่าคุณกำลังเข้าใกล้ระดับมาร์จิ้นหรือไม่
หากคุณทำการเทรดโดยไม่ใช้เลเวอเรจ มาร์จิ้นในตลาด Forex อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากเปอร์เซ็นต์เล็ก ๆ ของการเทรดที่มีมูลค่าต่ำอาจไม่ยากที่จะรักษาไว้ อย่างไรก็ตาม มาร์จิ้นจะมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อทำการเทรดด้วยเลเวอเรจ เนื่องจากเลเวอเรจช่วยให้นักเทรดสามารถเปิดสถานะที่มีมูลค่าสูงขึ้นได้ ซึ่งจะเพิ่มข้อกำหนดมาร์จิ้นขึ้นด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป
มาร์จิ้นในตลาด Forex ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่นักเทรดต้องรับรู้ แต่ยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ผ่านการเทรดด้วยมาร์จิ้น — อย่างไรก็ตาม การเทรดรูปแบบนี้จำเป็นต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ และไม่มีการรับประกันความสำเร็จ
การเทรดด้วยมาร์จิ้นหมายถึงการที่คุณจ่ายเพียงส่วนที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของข้อกำหนดมาร์จิ้น และโบรกเกอร์จะช่วยเติมเต็มส่วนที่เหลือ ตัวอย่างจากก่อนหน้านี้ คุณจะต้องวางเงิน $500 เพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดมาร์จิ้น 5% และโบรกเกอร์จะเติมเงิน $9,500 ที่เหลือ เพื่อให้ครบ $10,000 จากนั้นคุณต้องมั่นใจว่ามีเงินในบัญชีเพียงพอที่จะรักษามาร์จิ้นนี้ตลอดเวลา — โดยพื้นฐานแล้ว คุณจะต้องรักษายอดเงิน $500 เพื่อควบคุมการเทรดที่มีมูลค่า $10,000
การเทรดด้วยมาร์จิ้นเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเปิดรับการเคลื่อนไหวของตลาดในระดับที่สูงขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรด Forex โดยใช้เงินทุนของตนเองในสัดส่วนที่น้อย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง และควรใช้งานด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง การเทรดด้วยมาร์จิ้นในลักษณะนี้เปรียบเสมือนการกู้ยืมเงินโดยตรงจากโบรกเกอร์ และเงินที่กู้ยืมมานี้จะต้องชำระคืน
สมมติว่าคุณตัดสินใจเปิดสถานะการเทรดด้วยมาร์จิ้นตามตัวอย่างข้างต้น โดยคุณวางเงิน $500 เพื่อควบคุมการเทรดที่มีมูลค่า $10,000 หากมูลค่าของสถานะนี้ลดลงเหลือ 92% ของมูลค่าเดิม — $9,200 — คุณจะสูญเสียเงินมาร์จิ้น $500 ของคุณ และยังต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียเงิน $300 ของโบรกเกอร์ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดมาร์จิ้นคอล
ในกรณีนี้ คุณจะต้องชดเชยการขาดทุนนี้และนำยอดคงเหลือในบัญชีกลับไปที่ระดับ 5% ของสถานะเดิม เพื่อปกป้องเงินทุนของตนเอง โบรกเกอร์จะกำหนดให้คุณเติมเงินเข้าบัญชีให้ถึงระดับมาร์จิ้นคอล หากคุณไม่สามารถทำได้ โบรกเกอร์จะปิดและชำระบัญชีสถานะนั้น
แม้ว่าการเทรดด้วยมาร์จิ้นสามารถช่วยให้นักเทรดเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงในระดับสูงให้กับการเทรดเช่นกัน นักเทรดควรพิจารณาอย่างรอบคอบและเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนในตลาดก่อนใช้กลยุทธ์นี้
มาร์จิ้นคอลสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะเทรดด้วยมาร์จิ้น ใช้เลเวอเรจ หรือแม้กระทั่งเมื่อคุณดำเนินการเทรดในสถานะปกติ
หากคุณเทรดด้วยมาร์จิ้นหรือเลเวอเรจ โบรกเกอร์จำเป็นต้องมั่นใจว่าสามารถรับประกันเงินที่พวกเขาให้คุณยืมได้ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องรักษาระดับเงินทุนในบัญชีให้ตรงตามข้อกำหนดเปอร์เซ็นต์มาร์จิ้น แม้คุณจะไม่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเปิดสถานะ แต่คุณยังคงต้องครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงของสเปรดหรือค่าธรรมเนียมการดูแลสถานะการเทรด ซึ่งข้อกำหนดมาร์จิ้นยังคงใช้เช่นกัน หากเงินทุนในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับมาร์จิ้น จะเกิดมาร์จิ้นคอล
เมื่อเกิดมาร์จิ้นคอล คุณจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามีเงินทุนเพียงพอในบัญชีเพื่อดำเนินการเทรดต่อไป
เครื่องมือ Stop Loss เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะช่วยปิดสถานะของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อมูลค่าลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด โดยทั่วไปเครื่องมือนี้ใช้เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปและช่วยให้นักเทรดสามารถรักษากลยุทธ์การเทรดในระยะยาวได้ นอกจากนี้ยังช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดมาร์จิ้นคอลในตลาด Forex ที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนสูงและอาจเคลื่อนไหวอย่างคาดไม่ถึง
การบริหารจัดการเงินทุนในบัญชี สถานะที่เปิดอยู่ และข้อกำหนดมาร์จิ้นเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้วิธีการเทรด Forex การประสบความสำเร็จในกระบวนการที่ซับซ้อนนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักเทรดที่ต้องการเพิ่มความเชี่ยวชาญในตลาดนี้
ในมุมมองแรก มาร์จิ้นและเลเวอเรจอาจดูคล้ายกันมาก ทั้งสองเกี่ยวข้องกับการยืมเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อให้คุณสามารถควบคุมสถานะการเทรดที่ใหญ่กว่าที่เงินทุนที่คุณมีอยู่จะรองรับได้ และทั้งสองยังต้องการให้คุณติดตามระดับมาร์จิ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม การเทรดด้วยเลเวอเรจในตลาด Forex มีความแตกต่างอย่างมากจากการเทรดด้วยมาร์จิ้นในแง่ของการนำเสนอและการคำนวณ
การเทรดด้วยเลเวอเรจถูกกำหนดตามอัตราส่วน ตัวอย่างเช่น คุณอาจเปิดสถานะด้วยเลเวอเรจ 25:1 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ $1 ของเงินทุนที่คุณใช้ในสถานะการเทรด คุณจะยืม $25 เพื่อควบคุมสถานะ $10,000 คุณจะต้องมีเงินทุน $400
การเทรดด้วยมาร์จิ้นถูกกำหนดตามเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงถึงจำนวนเงินทุนที่คุณต้องเก็บไว้ในบัญชีเพื่อให้สามารถรักษาสถานะการเทรดที่เปิดอยู่ได้ ตัวอย่างเช่น มาร์จิ้น 4% จะเท่ากับการเทรดด้วยเลเวอเรจ 25:1 เนื่องจาก 100/25 = 4 คุณยังคงต้องมีเงิน $400 เพื่อควบคุมสถานะ $10,000 หากคุณเทรดด้วยมาร์จิ้น 4%
ไม่ว่าคุณจะใช้การเทรดด้วยมาร์จิ้นหรือเลเวอเรจ คุณยังคงต้องคำนึงถึงข้อกำหนดมาร์จิ้นอยู่เสมอ หากยอดเงินทุนที่มีอยู่ลดลงต่ำกว่าข้อกำหนดนี้ คุณจะต้องปรับยอดเงินในบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงมาร์จิ้นคอล การใช้เปอร์เซ็นต์มาร์จิ้นจะช่วยให้คุณเข้าใจข้อกำหนดนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดที่กำลังเรียนรู้การเทรด Forex
แพลตฟอร์ม VT Markets เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มชั้นนำในตลาด ที่มาพร้อมกับเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับนักเทรดมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์ ใช้บัญชีทดลองของเราเพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ และเมื่อพร้อม คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้บัญชีเทรดจริงได้ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มหรือข้อมูลสเปรดในตลาด Forex? ติดต่อทีมงานของเราได้เลยวันนี้!
ข้อกำหนดมาร์จิ้นในตลาด Forex ถูกคำนวณตามระดับการป้องกันความเสี่ยงที่โบรกเกอร์หรือนายทุนต้องการ มาร์จิ้นที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มการป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากนักเทรดต้องเก็บเงินทุนในบัญชีไว้ในสัดส่วนที่สูงขึ้นจากมูลค่าการเทรดที่เปิดอยู่
มาร์จิ้น 5% ใน Forex หมายความว่าคุณต้องเก็บเงินในบัญชีไว้ 5% ของมูลค่าการเทรดที่เปิดอยู่เสมอ หากยอดเงินในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับนี้ โบรกเกอร์อาจตัดสินใจปิดสถานะการเทรดของคุณโดยอัตโนมัติ
ข้อกำหนดมาร์จิ้นใน Forex จะแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์ โดยมาร์จิ้นจะแสดงในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ เช่น หากคุณเปิดสถานะมูลค่า $1,000 ด้วยมาร์จิ้น 5% คุณจะต้องมีเงิน $50 อยู่ในบัญชีเทรดตลอดระยะเวลาที่สถานะนั้นเปิดอยู่